
กุฏิที่นี่เป็นบ้านขาดย่อมสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 2 คน ชั้นล่างเป็นใต้ถุนยกสูง ชั้นบนมี 1 ห้อง เป็นทั้งที่นอน ที่อ่าน ที่เขียน ที่ทำสมาธิ มีลานระเบียงไว้รับลม ฟังเสียงไผ่เอียดออเอียด มีแดดสาดและส่องลอดร่องใบไม้ ต้นไม้มารำไร เมื่อก้าวเท้าขึ้นบันไดไปบนกุฏิ พบไม้กวาดปลายชี้ฟ้าพิงข้างฝา ข้างๆ มีกระโถนสีแดงคว่ำอยู่

“ค่ะ” ตอบพี่จิ๋ว คุณแม่บุญยงค์ สั้นๆ นิ่งๆ
นอนคนเดียวก็ได้...ดังอยู่ในใจ ไหนๆ ก็ได้รับเกียรตินอนในกุฏิของท่านแม่บุญยงค์แล้ว ขอให้คุณแม่บุญยงค์ช่วยคุ้มครองด้วยละกัน
“ไม่กลัวเหรอ” พี่ผู้ร่วมเดินทางถามไถ่
“ไม่....ค่ะ นู๋เคยนอนคนเดียวบ่อยๆ” ต้องยืนยันความมั่นใจต่อไป อย่าหวั่นไหวๆ ที่บ้านหลังใหญ่กว่านี้ มีตั้ง 3 ชั้น ยังนอนได้ นี่มีแค่ 2 ชั้นเล็กกว่าด้วย ไม่น่าจะเป็นปัญหาน่า....
“อื้มม...เก่งจัง” แค่นอนคนเดียวถือว่าเก่งแล้วหรอคะพี่ นู๋ยังไม่ได้นั่งสมาธิ ฝึกจิต เดินจงกลมเลยนะคะ - -"
เอ้อ... แล้วคุณแม่ไม่อยากให้นำขนม ของกินไปทานที่กุฏินะคะ มดจะขึ้นได้ แล้วก็จะรบกวนการทำสมาธิของเราด้วย
ค่ะ... ไม่มีขนมค่ะ มีแต่น้ำผลไม้ 1 ขวด นี่เราผิดศีลซักข้อแล้วหรือเปล่าเนี่ย
ในการเดินทางมาถ่ายธรรมครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางอีก 5 ท่าน คือพี่จิ๋ว-พี่ผู้แนะนำมาทำสงบที่นี่ พี่ใหม่-พี่ผู้ผ่านการเดินทางมาที่นี่แล้ว 2 ครั้ง พี่สุนีย์ – พี่ผู้ผ่านการนั่งสมาธิเดินจงกลมจากที่อื่นมาบ้างแล้ว พี่เกด – พี่ผู้เริ่มสนใจธรรมะอย่างจริงจัง พี่หลิว – พี่ผู้หยิบยื่นลูกเสาวรสให้เรา
แบ่งกันนอนเป็นคู่ๆ และแบบปลีกวิเวก ป้านู๋กับพี่จิ๋ว เลือกที่จะนอนคนเดียว พี่สุนีย์จับคู่กับพี่เกด พี่ใหม่กับคู่กับพี่หลิว
ตอนกลางวันก็ร่มรื่นดีนะ ไม่รู้ว่ากลางคืนแสงนวลเหลืองจะน่าอยู่ ร่มรื่นใจเหมือนตอนแดดออกหรือเปล่า
ป่าธรรมชาติ
มีเสียงใบไม้ต้องลม
เสียงนกร้อง
เสียงหมู่แมลง
เสียงสรรพสัตว์
เมื่อฉันไปเยือน
เสียงส่งเพิ่ม
เสียงคุย
เสียงกำไลข้อมือกระทบกัน
เสียงเดิน
เสียงน้ำที่ไหลจากขวดลงแก้ว
เสียงหายใจ
...
เสียงร้องของท้อง
Next : ศีล